พลัง จาก กำลังใจ

"การให้กำลังใจ คือการเติมออกซิเจนให้แก่จิตวิญญาณ"

"ถ้อยคำดี ๆ คำหนึ่ง ทำให้สามเดือนของฤดูหนาวอุ่นขึ้น"

หมอจอร์จ อดัมส์ กล่าวไว้ ในขณะที่สุภาษิตเก่าแก่ของญี่ปุ่นบอกว่า "ถ้อยคำดี ๆ คำหนึ่ง ทำให้สามเดือนของฤดูหนาวอุ่นขึ้น" การให้กำลังใจนั้นสามารถสัมผัสกับหัวใจของผู้ให้และผู้รับได้ นั่นอาจเป็นเพราะบางทีเราอยู่ในโลกแห่งวัตถุนิยมมาเสียจนต้องทนทุกข์กับการเพิ่มขึ้นของ ความไร้ชีวาของชีวิต

เราสนทนาและฟังข่าวสารที่ถูกบันทึกไว้ผ่านเครื่องตอบรับโทรศัพท์อัตโนมัติเราเบิกเงินจากตู้สี่เหลี่ยม และชำระเงินผ่านการกดปุ่มหมายเลขบนเครื่องโทรศัพท์ "สวัสดีจ๊ะ มีใครรู้บ้างว่าฉันยังมีตัวตนอยู่" เครื่องจักรอาจเปล่งเสียงว่า "ขอให้คุณมีความสุข" แต่นั่นไม่เหมือนจริง ๆ ซึ่งอาจบอกแก่คุณว่า คุณกำลังทำงานชิ้นนี้ได้ดีทีเดียว หรือบอกให้คุณรู้ว่า เขายังเชื่อมั่นในตัวคุณอยู่ เพราะการเป็น "คน" นั้นต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับโลก และคนอื่น ๆด้วย (ขณะที่เครื่องจักร ไม่ใช่)

คุณค่าของการให้กำลังใจ กฎข้อสำคัญก็คือ "จงปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนที่คุณจะได้รับจากเขา" การให้กำลังใจคือวิธีการอันทรงพลังในการสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้อื่น และช่วยเติมเต็มประสบการณ์ชีวิต ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น แท้จริงแล้วการได้รับกำลังใจก็คือ "การเติมออกซิเจนให้แก่จิตวิญญาณ" นั่นเอง

ร่างกายต้องการออกซิเจนเพื่อการหายใจฉันใด จิตใจก็ต้องการออกซิเจนเพื่อช่วยหล่อเลี้ยงกำลังใจฉันนั้น วิธีให้กำลังใจผู้อื่นอย่างง่าย ๆ

1. เสนอความช่วยเหลือต่อใครสักคน หรือแสดงความห่วงใยและความปรารถนาที่จะเห็นเขาประสบความสำเร็จ

2. ยอมรับเขาหรือความสำเร็จของเขาโดยเปิดเผยต่อสาธารณะ หากคุณอยู่ในสถานะที่จะทำเช่นนั้นได้

3. ส่งการ์ดหรือจดหมายน้อย

4. ตั้งใจฟังอย่างแท้จริง

5. ต้อนรับขับสู้ ยอมรับอย่างจริงใจ

6. แสดงความเห็นอกเห็นใจ อาทิ การแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวที่คล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องเกี่ยวกับความกลัว ความล้มเหลว หรือความผิดพลาด

7. แสดงความพอใจ สำนึกบุญคุณ นับถือ หรือชมเชย กับผลหรือวิธีการที่คนผู้นั้นกระทำ

การให้กำลังใจเป็นพลังอำนาจอย่างแท้จริง ด้วยเพราะว่า

....หนึ่ง ทำให้ผู้รับเข้มแข็งขึ้นโดยการให้ความมั่นใจแก่เขา

....สอง ช่วยให้คนเข้าถึงศักยภาพของตนเอง

.....สาม ก่อให้เกิดมุมมองหรือทัศนคติที่มั่นใจยิ่งขึ้นเพื่อให้พร้อมแก่การท้าทาย

.....สี่ ช่วยส่งเสริมความรู้สึกเชิงคุณค่าเฉพาะตัว และให้ค่าต่อความพยายาม

......ห้า ช่วยปลุกเร้าส่งเสริม ฯลฯ

หากคุณปรารถนาที่จะแบ่งปันของขวัญอันวิเศษนี้แก่ผู้อื่นคุณต้องไม่ทึกทักว่าคนอื่นเข้มแข็งมั่นคง ได้รับการสรรเสริญ หรือมีขวัญกำลังใจดีอยู่แล้ว หรือให้กำลังใจผู้อื่นราวกับรางวัลตอบแทนที่เขาควรได้รับ ทว่าควรเป็นของขวัญที่มอบให้อย่างมีเมตตาทั้งควรจริงใจอย่างยิ่ง เพราะคำยกยอปอปั้นนั้นต่างจากการให้กำลังใจ

ในหนังสือ Becoming Person of Influence (1997) ที่จอห์น แม็กเวล และ จิม ดอร์แนน เขียน ได้กล่าวถึงการทดลองอย่างหนึ่งที่วัดความสามารถของคนเมื่อเผชิญกับความเจ็บปวด โดยนักจิตวิทยาได้ทำการทดลองวัดว่า คนเท้าเปล่าสามารถยืนในถังใส่น้ำเย็นจัดปานน้ำแข็งได้นานเพียงใด เขาพบว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนบางคนสามารถยืนทนได้นานเป็นสองเท่าของคนปกติ คือ "การได้รับกำลังใจ" นั่นเอง

เราทุกคนล้วนต้องการกำลังใจและเราเองสามารถมอบสิ่งนั้นแก่ผู้อื่นได้ เพราะการให้กำลังใจ เป็นพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนหลายคนได้ เรามาให้กำลังใจเป็นของขวัญแก่ผู้อื่นเสียแต่วันนี้ ดีไหม ?


เทคนิคการให้กำลังใจตัวเอง

หลายคนอาจเคยเผชิญกับเหตุการณ์ที่ทำให้ท้อแท้ สิ้นหวังหมดกำลังใจ มองหาทางแก้ปัญหาไม่ได้ ถ้ามีใครสักคนให้กำลังใจอยู่เคียงข้างก็คงจะดี แต่ในเวลาที่ไม่เหลือใคร ตัวของเราเองก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดได้เช่นกัน
เริ่มจากการปรับเปลี่ยนทัศนคติ มองโลกในแง่ดี สร้างรอยยิ้มให้ตัวเอง วิธีเหล่านี้คือการให้กำลังใจตัวคุณเอง นอกจากนี้ยังมีวิธีการสร้างเสริมกำลังใจที่สามารถเริ่มต้นง่ายๆ จากสิ่งรอบตัว
ลองนำไปใช้ดูนะค่ะ

1. หาคำคมของนักคิดต่างๆ ติดไว้หน้าโต๊ะทำงาน เช่น “เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างล้มเหลว ก็ไม่เสียหายอะไรถ้าจะคงไว้ซึ่งความหวัง”
2. ส่งโปสการ์ดถึงตัวคุณเอง การเขียนเป็นการระบายความในใจได้ดีอีกวิธีการหนึ่ง
3. บทเพลงส่งเสริมกำลังใจ ดนตรีที่ไพเราะ ส่งผลให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมา

นอกจากนี้ยังมีวิธีส่งเสริมกำลังใจตนเองในแบบอื่นๆ ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ลองประยุกต์ใช้ให้เข้ากับตัวคุณเอง และอย่าลืมแบ่งปันให้กำลังใจให้คนรอบข้างด้วยนะคะ

กำลังใจที่ดีเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะพาคุณผ่านพ้นอุปสรรคในชีวิตไปได้

การให้กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่คนเราจะขาดไม่ได้ เพราะเราต่างก็มีคนที่เรารักและต้องการให้เขามีความสุข แต่ว่าบางครั้ง ความรักความห่วงใยของเรา หากมากเกินไป อาจจะทำให้เขารู้สึกรำคาญ หรือรู้สึกว่าเราเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของเขามากเกินไปก็เป็นได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆอย่าง บางคน แค่ได้ยินคำว่า จะเป็นกำลังใจให้นะ, รักเธอนะ, จะเอาใจช่วยนะ ฯลฯ แค่นี้เขาก็ดีใจและได้กำลังใจเต็มเปี่ยมแล้ว แต่บางคน แค่นี้อาจจะไม่พอ หรือบางคน ก็ไม่ต้องการคำพูดหวานๆ แต่กลับต้องการให้ดุด่าว่ากล่าว เพื่อให้เกิดแรงต้าน ทำให้มีพลังเพิ่มขึ้น เหล่านี้ล้วนไม่มีสูตรตายตัว การให้กำลังใจ จึงเป็นศิลป์มากกว่าศาสตร์ แต่หากเรามาช่วยกันคิด แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เคยได้รับหรือเคยให้กำลังใจใครมาแล้ว และได้ผลดี ประสบการณ์อันนั้นน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อื่น ที่จะได้นำไปใช้ ช่วยให้สังคมไทยมีพลังมากขึ้นได้